แพ็คกระเป๋าขึ้นเหนือไปชิลเอาท์กันที่จังหวัดเชียงราย ดินแดนเหนือสุดแดนสยามที่ไม่ได้มีดีแค่ความงามของธรรมชาติ แต่มีทั้งบรรยากาศสุดชิล กิจกรรมสุดมันส์ วัฒนธรรมสุดคูล ที่สำคัญของกินอร่อย แถมมีที่เที่ยวสวยให้โพสต์ท่าถ่ายรูปเช็คอินชิคๆ ทริปครั้งนี้เราจึงชวนเพื่อนๆ เลดี้ หนีเที่ยว บินลัดฟ้าไปกับสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ สู่จุดหมายปลายทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงที่จังหวัดเชียงรายในทันใด!
ระหว่างรอขึ้นเครื่องบิน เราแวะไปนั่งรอที่เลาจน์ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สค่ะ ภายในห้องรับรองกว้างและสะดวกสบาย มีทั้งจุดชาร์จแบตโทรศัพท์ มุมอินเตอร์เน็ต บริการ WI-FI ฟรี มีเครื่องดื่มและขนมบริการเพียบ ที่ปลื้มมากคือข้าวต้มมัด เพราะอร่อยหวานมันแบบไทยๆ ใครบินเช้ามากจนไม่มีเวลากินข้าวมาก่อน หรือหิวระหว่างรอขึ้นเครื่อง กินข้าวต้มมัดรองท้องอิ่มสบายเลยค่ะ (อ่านเพิ่มเติม-9 สิ่งที่ต้องทำ ใน เลาจน์ บางกอกแอร์เวย์ส)
เนื่องจากเราบินช่วงสาย ถึงเชียงรายก็บ่ายคล้อย จึงเริ่มต้นเที่ยวในตัวเมืองกันก่อน ต่อนยอน ต๊ะ ต่อนยอน นั่งสามล้อผ่อเวียง ชิลล์ชมเมืองเชียงราย โดยตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงขบวนสามล้อจะพาเราลัดเลาะตามเส้นทาง สัมผัสกับกับบรรยากาศถิ่นวัฒนธรรมล้านนา แต่งแต้มด้วยวิถีชีวิตของคนพื้นถิ่น ผ่านอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ผู้สร้างเมืองเชียงรายและสถาปนาอาณาจักรล้านนาไทยให้เป็นปึกแผ่น ผ่านวัดสำคัญของเมืองเชียงราย คือวัดพระสิงห์ วัดพระแก้ว และวัดกลางเวียง นอกจากนี้ยังผ่านสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ ปอดใจกลางนครเชียงราย ตลาดสดหรือกาดหลวงที่คึกคักไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายซื้อของ ไปจนถึงหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติและสิ้นสุดที่ตลาดไนท์บาซาร์
ค่ำคืนที่เชียงรายของทริปนี้ เราพักกันที่ เอ สตาร์ ภูแล วัลเลย์ รีสอร์ทท่ามกลางทิวเขาเขียวขจีที่มีพื้นที่กว้างขวางทีเดียว ห้องพักมีหลายแบบหลายโซน แต่ทั้งหมดรายล้อมด้วยธรรมชาติและมีบรรยากาศสงบเงียบเป็นส่วนตัว ภายในรีสอร์ทยังมีพื้นที่สำหรับจัดงานปาร์ตี้ รวมถึงกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ทั้งการขี่รถ ATV การปั่นจักรยานรอบรีสอร์ท ให้อาหารแกะ ยิงธนู ดำนา เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติม-เอ-สตาร์ ภูแล วัลเลย์ เชียงราย ที่พักสุดสบาย รายล้อมทิวเขา)
สำหรับห้องพักที่เราพักวันนี้เป็นห้องพูลวิลล่าค่ะ ห้องนอนกว้างขวางมากๆ มีห้องนั่งเล่นแยกต่างหาก อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว วิวภูเขาสวยชิลล์ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
มาถึงถิ่นดินแดนล้านนาทั้งที มื้อเย็นวันนี้ต้องไม่พลาดการรับประทานอาหารแบบขันโตก ที่ร้านสะบันงาขันโตก ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองแท้ๆ รสชาติอร่อย พร้อมกับชมโชว์พื้นเมือง เช่น โชว์ฟ้อนเล็บ โชว์ฟ้อนเทียน โชว์ฟ้อนแง้น และโชว์วิถีคนเมือง ซึ่งเป็นศิลปะล้านนาที่หาชมได้ยาก อิ่มอร่อยกันแล้วก็ออกไปชมหอนาฬิกาเปลี่ยนสีพุทธศิลป์เชียงราย หรือหอนาฬิกาเชียงราย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยามค่ำคืนมีการเปิดไฟสวยงามมาก
Det-anan / Shutterstock.com
-2-
เริ่มต้นทริปวันที่ 2 ด้วยการตะลุยทำกิจกรรมสนุกๆ กันที่ ไร่สิงห์ปาร์ค หรือไร่บุญรอด แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ เริ่มต้นด้วยฟาร์มทัวร์ นั่งรถรางสัมผัสธรรมชาติ ทิวทัศน์ของไร่กว้างโอบล้อมด้วยภูเขา ชมสวนผักผลไม้ พืชไร่นานาพันธุ์ รวมถึงทุ่งดอกไม้สีสันสดใส ทั้งทุ่งปอเทือง และทุ่งคอสมอสหลากสีตระการตา ซึ่งจะผลิบานชูช่อสะพรั่งในช่วงฤดูหนาว
แวะสถานีแรกกับไร่ชาสีเขียว ซึ่งภายในไร่สิงห์ปาร์คปลูกไว้หลายจุดเลยทีเดียว สำหรับจุดนี้นอกจากเราจะได้ชมแปลงไร่ชาที่ปลูกเป็นแถวอย่างสวยงามกินพื้นที่กว้างแล้ว ยังมีบริการชุดชาวเขาและพร็อบอย่างตะกร้าเก็บใบชาแต่งให้เข้ากับบรรยากาศ โพสต์ท่าถ่ายรูปชิคๆ อวดเพื่อนกันค่ะ
นั่งรถรางกันต่อไปยังสถานีที่ 2 จุดชมชีวิตสัตว์ สัมผัสชีวิตสัตว์อย่างใกล้ชิด ซึ่งไร่สิงห์ปาร์คเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย ตั้งแต่ยีราฟ ม้าลาย วัววาตูซี่ วัวแดง ที่หาชมได้ยาก เราซื้อกล้วยให้อาหารเจ้ายีราฟกับม้าลายสุดน่ารัก พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอย่างสนุกสนาน
นั่งรถรางชมไร่กับแล้ว ปิดท้ายด้วยกิจกรรม Zip Line กรี๊ดลั่นไร่ ท้าทายความกล้าด้วยการโหนสลิงจากตึก 9 ชั้น มองจากข้างล่างก็สูงพอควร ทำเอาใจตุ้มๆ ต่อมๆ หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เราขึ้นไปยืนบนจุดปล่อย มีเวลาทำใจสักพัก พอนับ 3 ถูกปล่อยลงมา กลับรู้สึกว่ามันส์อย่าบอกใคร!
นอกจากกินกรรมสนุกๆ ข้างต้นแล้ว ไร่สิงห์ปาร์คยังเป็นพื้นที่สำหรับนักปั่นจักรยานด้วยค่ะ โดยมีเส้นทางปั่นจักรยานรอบไร่ เริ่มตั้งแต่ 2 กิโลเมตร ไปจนถึง 10 กิโลเมตร ใครชอบปั่นจักรยานหรืออยากออกกำลังกายแถมได้ความสนุก สามารถนำจักรยานมาเองหรือเช่าปั่นเที่ยวชมไร่ นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะถ่ายรูปเลยก็คือ สิงห์ยักษ์สีทอง ถือเป็นแลนด์มาร์คที่ต้องแวะเช็คอินเลยก็ว่าได้ (อ่านเพิ่มเติม-สิงห์ปาร์ค เชียงราย ชิลล์ชมวิวไร่กลางหุบเขา เล่นซิปไลน์สุดมันส์)
สำหรับช่วงบ่าย เราไปวัดสวยอลังการที่สุดของประเทศไทย วัดร่องขุ่น วัดซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ด้วยอุโบสถสีขาว ประดับด้วยกระจกสีเงินแวววาว ลวดลายปูนปั้นอันอ่อนช้อย เป็นลวดลายไทยและรูปสัตว์ต่างๆ ในเทพนิยาย ยามเมื่อต้องกระทบกับแสงแดด วัดแห่งนี้จึงเปล่งประกายระยิบระยับสว่างไสว ราวกับเมืองสวรรค์ นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สร้างสรรค์ด้วยฝีมืองดงามประณีต ชนิดที่ว่าใครเห็นก็ต้องตะลึงไปตามๆ กัน
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2540 ออกแบบก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของเมืองไทย ด้วยแรงบันดาลใจจาก 3 สิ่ง คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์นี้เพื่อถวายเป็นงานศิลปะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ความงดงามของวัดร่องขุ่นนั้นโด่งดังไกลถึงต่างชาติ ในนาม “White Temple” มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างพากันมาเยี่ยมชมมากมายไม่ขาดสาย เรียกได้ว่ามาเที่ยวเชียงรายเมื่อไหร่ วัดร่องขุ่นถือเป็นลิสต์แรกที่ต้องไปเยือน (อ่านเพิ่มเติม-วัดร่องขุ่น ภาพวาดแห่งสถาปัตยกรรม สวรรค์แห่งศิลปะ เชียงราย)
-3-
และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายของทริป ช่วงเช้าเราเดินทางไปยังสวนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง เดินทอดน่องผ่อนคลายในสวนที่อุดมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้เมืองหนาว ต่างชูช่อผลิบานหลากสีสัน และไม้ยืนต้นที่เติบโตสูงใหญ่ให้ความร่มรื่น สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ร่างกายสดชื่น ประหนึ่งเป็นการชาร์จพลังชีวิต (อ่านเพิ่มเติม-เที่ยวดอยตุง ชมดอกไม้เมืองหนาวสวนแม่ฟ้าหลวง เยือนพระตำหนักดอยตุง)
ต่อด้วยกิจกรรมสุดมันส์ที่จะทำให้หัวใจเต้นรัว กับ Doi Tung Tree Top Walk อีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย ด้วยการท้าทายความสูงจับก้อนเมฆบนดอยตุง กับทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ความยาว 295 เมตร สูงกว่า 30 เมตรจากพื้นดิน ทอดยาวท่ามกลางป่าร่มรื่นและพรรณไม้ในสวนแม่ฟ้าหลวง ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที (อ่านเพิ่มเติม-เที่ยวดอยตุง เดินเล่นเหนือยอดไม้ ที่ DoiTung Tree Top Walk เชียงราย)
ตลอดทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ เราได้สัมผัสกับความเย็นสดชื่นของต้นไม้สีเขียวสูงใหญ่ และได้ทั้งความเสียวท้าทาย เพราะสะพานเดินนั้นจากที่กว้างจะค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ ในช่วงท้าย แต่ปลอดภัยหายห่วงเพราะคนที่เดินทุกคน จะต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงตัวสะพานเองก็มีตาข่ายรองอีกหนึ่งชั้นค่ะ
แอดเวนเจอร์เบาๆ กันไปแล้ว ช่วงสายเราเดินทางไปยัง โรงงานจินนาลักษณ์กระดาษสา เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับกระดาษสาค่ะ เริ่มจากการฟังบรรยาย ทำความรู้จักต้นปอสา ขั้นตอนของการทำกระดาษสา ตั้งแต่การต้มเปลือกปอสา การฟอกขาวและคัดแยก การตีเยื่อ จนถึงการสร้างลวดลายและการตากกระดาษสา ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันมาก กว่าจะได้กระดาษสาที่สวยงามสักชิ้น จากนั้นเราก็ได้ลองเวิร์คช้อปทำกระดาษสากันค่ะ
วิธีการทำไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ เพียงนำเยื่อกระดาษที่ผสมกาวเทลงไปในกรอบไม้ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นด้ายตาข่าย เพื่อให้เยื่อยึดเกาะไว้เมื่อแห้ง จากนั้นตีให้เยื่อกระจายเท่าๆ กัน แล้วลงมือตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน วางแล้วแต่ชอบเลยค่ะ จุดนี้ได้ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์และศิลปะกันอย่างเต็มที่ เมื่อตกแต่งจนเสร็จก็ค่อยๆ ยกกรอบไม้ขึ้น แล้วนำไปตากแดดไว้ประมาณ 1-2 วัน ก็จะแห้ง กลายเป็นกรอบรูปกระดาษสา งานฝีมือศิลปะที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร
เที่ยงวันนี้เราแวะชิลล์กันที่ร้าน Hacienda Coffee House ร้านกาแฟสุดชิคตกแต่งสวยเหมือนอยู่ยุโรป ด้านในร้านบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ตกแต่งสไตล์วินเทจ ด้วยของตกแต่งน่ารักๆ อย่างถ้วยกระเบื้องลายสวย ตุ๊กตาเซรามิก โคมไฟทรงโบราณ อีกทั้งหมอนอิงปักลวดลายดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีโซนระเบียงซึ่งตกแต่งด้วยโต๊ะกลมปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีหวานลายน่ารักๆ และต้นไม้ดอกไม้หลากสี เหมาะกับการนั่งชิลล์จิบชากาแฟ ชมวิวทิวเขาธรรมชาติที่รายล้อม
สำหรับเมนูอาหารของร้าน Hacienda Coffee House เป็นอาหารตะวันตกและฟิวชั่น มีให้เลือกชิมทั้งสลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารทานเล่นและของหวาน เบเกอรี่โฮมเมด วันนี้เราสั่งสลัดไส้กรอก สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าครีม สเต็กหมู บอกเลยว่ากลมกล่อมทุกจานเลยค่ะ จากนั้นปิดท้ายด้วย Tea Time Set Menu ซึ่งรวมเอาขนมหวาน เค้ก ทาร์ต หลากหลายรสชาติน่ารับประทานมาให้ได้ลิ้มลอง อร่อยประทับใจจริงๆ ค่ะ (อ่านเพิ่มเติม-Hacienda Coffee House เชียงราย คาเฟ่สุดชิคในหุบเขา บรรยากาศดีเหมือนอยู่ยุโรป)
ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายเมืองในหุบเขา เราแวะร้านนันทวรรณ ซื้อของฝากพวกไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และเดินทางต่อไปยังสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ ตลอด 3 วัน 2 คืนที่จังหวัดเชียงราย บอกเลยว่าทั้งชิลล์และม่วนมันส์ ใครที่อ่านแล้วอยากชวนเพื่อนเลดี้หนีเที่ยวแบบนี้ ตามไปเล่นเกมง่ายๆ ได้ที่ http://www.truelife.com/ladychilloutchiangrai/ ลุ้นหนีเที่ยว ชิลเอ้าท์ที่จังหวัดเชียงราย แบบม่วนมัวส์ด้วยกัน!