

'เหนื่อยมาทั้งปี ปลายปีก็ต้องไปเที่ยวดิเฮ้ย!'
เสียงนี้ดังก้องในหูของเราตลอดเวลาจนเราทนไม่ไหวต้องเข้าเว็บไซต์หาที่ไป
ตอนนั้นก็คิดอยู่นานว่าจะไปไหนดี ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ดูน่าไปหมดทุกประเทศ
แต่หลังจากโดนเพื่อนเทด้วยเหตุผลอันคลาสสิค เราก็ตัดสินใจว่า 'ไปเกาหลีคนเดียวก็ได้!'
จากนั้นก็ทำการซื้อตั๋วเครื่องบินชนิดที่คนรอบข้างบอกว่า 'จะไปอาทิตย์หน้าแล้วยังไม่ซื้อตั๋วอีกเรอะ!'
และเราก็ได้ตั๋วของเวียดนามแอร์ไลน์มาในราคา 14,480 ซึ่งเราว่าราคามันก็โอเคสำหรับตั๋วในช่วงคริสมาตร์กับสายการบิน Full service
เมื่อตั๋วเครื่องบินพร้อม ที่พักพร้อม วันลาพร้อม ก็ไปกันโล้ดดดดดด!!!!!
ทริปนี้เราอยู่เกาหลี 25 ธันวา 2016 - 1 มกรา 2017 นะคะ

[Day 0] ไปเวลาไปเที่ยวแล้ว!!
24 ธันวา ออกจากกรุงเทพ 19:00 ไปเปลี่ยนเครื่องที่โฮจิมินห์ ถึงโซลเช้าวันที่ 25 ธันวา
ขึ้นเครื่องมาก็ได้รับอาหารมาทาน เรานั่งติดหน้าต่าง ข้างๆเป็นคู่สามีภรรยาชาวยุโรป
เขาดูแลเราดีมากกกก ดีจนรู้สึกมีญาติผู้ใหญ่มาด้วย 55555

จากสุวรรณภูมิไปโฮจิมินห์ใช้เวลาไม่นานก็ถึง

มาถึงโฮจิมินห์แล้วไม่ต้องออกมารอกระเป๋าเพื่อเช็คอินโหลดใหม่อีกรอบ
ทางสายการบินจะทำการส่งกระเป๋าเราไปปลายทางเลย รอรับที่เกาหลีสวยๆ
และ boarding pass สำหรับไฟท์ โฮจิมินห์ - โซล ก็ได้ให้มาตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้ว


ระหว่างทางเดินไปยังเกทเพื่อต่อเครื่องไปโซลยังคงมีร้านค้าขายของที่ระลึกเปิดอยู่



เราต้องรอต่อเครื่องอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่รู้จะทำอะไร แอบง่วงนิดหน่อย
เห็นที่หน้าเกทมี Relaxing Room ให้บริการอยู่ เราเลยเข้าไปใช้บริการสักหน่อย
ค่าบริการชั่วโมงละ 5 ดอลลาร์อเมริกา สามารถเลือกได้ว่าจะรับน้ำเปล่าหรือเป็ปซี่
มี wifi ให้บริการ พร้อมทั้งหมอน ผ้าห่ม เซ็ตหูเครื่องให้กับเรา

เอาเข้าจริงก็ได้งียบแค่นิดเดียวเพราะมัวแต่แชทเม้าท์มอยกับเพื่อน
พอหมดชั่วโมงที่เราแจ้งใช้บริการ พนักงานก็จะมาเรียกค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกลัวหลับเลยเวลา 5555

เอาล่ะ ได้เวลามุ่งหน้าไปยังโซลแล้ววววววววว

และใช่ค่ะ ก่อนที่จะได้หลับยาวๆ ต้องก็กินข้าวกันอีกรอบก่อน

กินเสร็จก็นอนได้ แล้วเจอกันที่โซลตอนเช้า


[Day 1] 25 ธันวา Merry X'Mas !!
เรามาถึงโซลในตอนเช้า แค่ก้าวออกจากเครื่องมาก็ได้รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นของอากาศข้างนอก
(1 องศา ไม่หนาวได้ไงละ! ปรับตัวแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว)
หลังจากผ่าน ตม รับกระเป๋าเรียบร้อยเราก็จัดการไปเช่า wifi และซื้อตั๋วลีมูซีนบัสเพื่อไปยังที่พัก


วันนี้ไม่มีโปรแกรมเที่ยว แต่มีโปรแกรมติ่ง! B1A4 Fan-sign

ก่อนที่จะไปงานแฟนไซน์ เราก็แอบแวะไปที่ co-ex mall ก่อนแป๊ปหนึ่งเพราะยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนงานเริ่ม
ช่วงที่มาเป็นช่วงคริสมาตร์ - ปีใหม่ ดังนั้นตามสถานที่ต่างๆ เลยจะปกแต่งด้วยบบรยากาศฉลองเทศกาลคริสมาตร์
การเดินทางมา co-ex mall ให้นั่งซับเวย์มาลงสถานี Samseong ทางออก 5 จะมีป้ายบอกไป co-ex mall
ใครมาที่นี่แวะไป SM Town ที่ co-ex atrium ได้นะคะ อยู่ในบริเวณเดียวกัน เราได้รีวิวไว้ในกระทู้เก่า

https://pantip.com/topic/33728463




ช่วงนั้นมีงาน SAF ที่ coex ด้วย แต่อันนี้ต้องมีบัตรเข้านะคะถึงจะเข้างานได้
ส่วนเราน่ะเหรอ นกบัตรจ้า 55555555

พอใกล้ได้เวลาเราก็เดินทางไปยังแฟนไซน์ของ B1A4 บอกเลยว่าตื่นเต้นมากเพราะไม่ได้เจอเต็มวงระยะหนึ่ง
มีแค่จินยองที่เราเจอเมื่อปีที่แล้วตอนเรามาเกาหลีเท่านั้น และ B1A4 ไม่ได้มาไทยนานมาก 555







ในช่วงที่เราขึ้นไปรับแฟนไซน์นั้นก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันนิดๆหน่อยๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจคือหนุ่มๆ ยังคงคำภาษาไทยได้ โดยเฉพาะคำว่า "ผมรักคุณ" อันนี้พูดตลอดเลย
เราก็เอ๋อไง ดันตอบเป็นภาษาไทยไปว่า "รักเหมือนกันค่ะ" ทางนั้นก็หัวเราะตาหยีแล้วบอก "ผมรักคุณ" อีก
เราถามว่า "ยังจำภาษาไทยได้ด้วยเหรอ" ก็บอกว่า "แน่นอนสิ จำได้"
และพอเราบอกไปว่า "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่ได้มาไทยตั้งปลายปีแน่ะ" ทางนั้นก็ตกใจว่าหลายปีขนาดนั้นเลยเหรอ
ใช่ค่ะ หลายปีมากค่ะ


และเนื่องจากวันนี้เป็นวันคริสมาตร์ ก็เลยมีปาร์ตี้กันเล็กน้อย หนุ่มๆ ลงมารั่ว เต้น ร้อง ไปพร้อมกัน คือดีย์!!
เป็นอะไรที่ดีต่อใจสำหรับติ่งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแบบเรามากกกกกกกก
พองานเลิก ข้างนอกก็มืดพอดี หน้าหนาวมืดเร็วมากกกก ประกอบกับเราเพลียๆจากการเดินทางเลยกลับที่พักเลย
ก่อนถึงที่พักเราก็แวะกินข้าวก่อน หน้าปากซอยเข้าที่พักของเราที่ฮงแดมีร้านต็อกบกกีเล็กๆร้านนึง แต่คุณป้าอัธยาศัยดีมาก
เราสั่งต็อกบกกีกับโอเด้งมาค่ะ ดูในรูปเหมือนน้อยแต่พอกินจริงๆ อิ่มมาก กินไม่หมด
คุณป้าถามว่าจะห่อกลับมั้ย เลยบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ อร่อยมากแต่อิ่มจริงๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

แต่ก็ยังอุตส่าห์แวะร้านกาแฟซื้อชายูซุร้อนกับแวะมินิมาร์ทซื้อนมมาอีก....



อิ่มท้อง อิ่มใจ หลับสบายยยยย
[Day 2] 26 ธันวา ไม่รู้จะไปไหน งั้นก็เดินเรื่อยเปื่อยไปก็แล้วกัน
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน~~ อันนี้เข้ากับเรามากค่ะ คือลืมตาขึ้นมาก็ยังกลิ้งไปมาบนเตียง
ไม่รู้จะไปไหนดี ที่ที่คิดว่าจะไปส่วนมากก็ปิดวันจันทร์ แต่เราจะเอาแต่นอนทั้งวันไม่ด๊ายยยย
คิดแบบนั้นก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกกัน

ระหว่างทางนี่ก็คิดตลอดว่าไปไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินว่างั้นไปเดินเล่นที่ถนนซัมซองซึ่งเป็นถนนที่เราชอบมาก
เรานั่งซับเวย์ไปลงสถานี Gyeongbokgung ออกทางออก 4 แล้วเดินเลาะกำแพงพระราชวังมาเรื่อยๆค่ะ


ระหว่างเดินไปถนนซัมซอง เราเดินผ่านพระราชวังเคียงบกด้วย เลยถือโอกาสแวะสักหน่อย
แต่ไม่ได้เข้าไปในส่วนของภายในนะคะ อยู่แต่ในส่วนทางด้านนอกที่ไม่ต้องเสียค่าเข้าค่ะ อิอิ
วันนี้ครึ้มๆ มีฝนปรอยๆ






ออกจากพระราชวังเคียงบกแล้วเราก็เดินข้ามถนนมาเพื่อเดินตัดไปยังร้าน Cafe Rosso




เราติดใจร้านนี้มากๆ ต้องยกความชอบให้ปาร์คยูชอน เพราะรอบก่อนตามรอยยูชอนมา
ร้านนี้อยู่ถนนซัมซอง ข้ามฝากมาจากพระราชวังเคียงบกแล้วเดินมาเรื่อยๆ
เลยอาร์ตมิวเซียมมาหน่อยจะมาทางแยก เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไป จนถึงอาคารที่ชื่อ Hanti
ก็เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างตึกเข้าไปเลยค่ะ จะมีป้ายบอกร้านอยู่



เมนูวันนี้ Affogato กับ ชินนาม่อนคาราเมลโทรส


นั่งชิลไปเรื่อย แลัวก็ออกมาเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย เดินย้อนกลับมาแถวพระราชวังเคียงบก



อย่างที่ทราบกันว่าที่เกาหลีเขามีออกมาประท้วง ตอนที่เราไปเลยยังเห็นแคมป์ของผู้ประท้วงอยู่

เดินไปเดินมา ตัดสินใจเดินไปคลองชองเกชอนด้วยดีกว่า




แต่ระหว่างทางท้องดันร้อง เลยต้องหาอะไรมาเติมเต็ม ก็พอดีเดินผ่านร้านอาหาร เหมาะเจาะมาก

สั่งมาขนาดนี้ถามว่ากินกี่คน ตอบเลยว่ากินคนเดียว
การเที่ยวคนเดียวมันสบาย มันสะดวก แต่เวลากินข้าวนี่แหละแอบเป็นปัญหา
บางทีก็อยากกินหลายๆ อย่างไง แต่พอสั่งมาต้องกินคนเดียวมันไม่กินจนจุกก็กินเหลืออ่ะ
มื้อนี้เราสั่งเป็นซุปเนื้อ กับพาจอน พิซซ่าเกาหลีหน้าซีฟู๊ด อร่อยนะคะ ให้เยอะมากกก


พออิ่มจนจุกก็ออกเดินไปยังคลองชองเกชอน ซึ่งตอนนี้ประดับประดาด้วยไฟสวยงาม

มีนักศึกษามหาวิทยาลัยมาร้องเพลงประสานเสียงด้วยนะเออ

มาเป็นกลุ่มเพื่อน มาเป็นครอบครัว มาแบบคู่รัก มีหมดทุกรูปแบบ
ระหว่างที่เรายืนถ่ายรูป ก็มีหนุ่มสาวคู่รักเกาหลีมาวานให้ช่วยให้รูปให้เรื่อยๆ
บางคนแอบๆ มองเราเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง จนเราต้องหันไปถาม 'ถ่ายรูปให้มั้ยคะ'
เขาก็พยักหน้ารัวๆ 5555 พอถ่ายให้เสร็จดูหน้าเขาพอใจกับรูปแล้วโค้งให้เรา เราก็มีความสุขไปด้วย






ที่นี่มีให้ทำกระทงแล้วเขียนชื่อบนกระดาษด้วย เราเลยจัดไป 1 ชุด




ระหว่างเดินอยู่นั้น ก็มีครอบครัวชาวเกาหลีมาวานให้เราถ่ายรูปให้อีกแล้ว
คราวนี้พอถ่ายให้เสร็จ เขาเลยจะถ่ายรูปโพลาลอยด์ให้เราเป็นที่ระลึกและตอบแทน
แต่ปรากฏว่ากดชัตเตอร์ไปแล้วแต่ฟิล์มหมดค่ะ 555 และฟิล์มอยู่กับแม่พี่เขาซึ่งเดินไปล่วงหน้าแล้ว
พี่เขาก็หัวเราะเขินๆ แล้วเอากล้องเราไปถ่ายรูปเราให้แทน เอ้อออ สมกับเป็นเทศกาลแห่งความสุขจริงๆ




เดินไปเดินมาเริ่มหนาว หาร้านกาแฟอุ่นๆ นั่งดีกว่า ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปร้าน 85st
และแน่นอน สาเหตุก็มาจากความติ่งพี่ยุนโฮนั่นเอง 55555
โดยนั่งซับเวย์ไปลงสถานที Nonhyeon ออกทางออก 2 เดินมาจนถึง Gangnam-daero 122-gil
ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ
มารอบนี้ร้านขยายกว้างขึ้นกว่าปีที่แล้วแล้วค่ะ แถมหมี 85st ยังงอกเพิ่มตัวใหญ่มาอีก 1 ตัว



มาคราวนี้เราสั่ง Ice Yuzu Americano กับชีสเค้กค่ะ
เครื่องดื่มอร่อย คือเป็นรสอเมริกาโนแต่มีรสชาตของส้มยูซุแทรกเข้ามา หอมกลิ่นส้ม สดชื่นดี
ส่วนชีสเค้ก ไม่หวานเลี่ยน เนื้อแป้งนุ่มลิ้นมากค่ะ ดีงามมากๆ

มาตอนดึก คนไม่เยอะดี เราเลยนั่งชิลๆ สบายๆ นั่งไปนั่งมามองดูนาฬิกา โอ้ววว จะ 5 ทุ่มแล้ว
ต้องรีบกลับก่อนซับเวย์จะหมด ไม่งั้นต้องนั่งแท็กซี่กลับ งบจะบานปลาย
[Day 3] The snow glows white on the mountain tonight~~
วันนี้เราจะออกนอกโซลกัน!! ไปเล่นหิมะที่ซอรัคซานกันเถอะ!!
ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปซอรัคซาน จะได้ใช้เวลาที่นั่นเยอะๆ แต่เราก็คือเรา ตื่นสายเหมือนเดิม
เรานั่งซับเวย์มาลงสถานี Gangbyeon ออกทางออก 3 หรือ 4 ข้ามถนนไปจะเป็น Dong Seoul Bus Terminal
มาถึง Dong Seoul Bus Terminal ก็จัดการซื้อตั๋วไปที่ซกโซ ปรากฏว่าต้องรออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงรอบรถถัดไป


เลยไปนั่งกินข้าวรอ เพราะกว่าจะไปถึงที่นู่นต้องหิวแน่ๆ
เราสั่งข้าวหมูทอดราดแกงกะหรี่มาค่ะ จานใหญ่มาก กินแทบไม่หมด จุกไปเลยทีเดียว

พอใกล้เวลาที่รถจะออกก็ออกไปรอที่ท่ารถ

รถบัสที่นี่ตรงเวลามากๆ ค่ะ ถึงเวลาปุ๊บคือออกเลย
เราตั้งใจว่าจะเก็บภาพตามทางตลอดการเดินทาง แต่ก็นั่นแหละค่ะ ไม่ช้าก็หลับ


มาตื่นอีกทีก็ตอนที่มีเสียงในรถบัสดังขึ้นว่าถึงจุดพักรถแล้ว
เราไม่ได้ปวดอยากเข้าห้องน้ำเลยลงจากรถลงมาถ่ายรูปบรรยากาศข้างทางแทน

ระหว่างทางเข้าซกโซคือเริ่มเห็นหิมะแล้ว

ถ่ายไปถ่ายมาเคลิ้มจะหลับอีกแล้ว แต่ก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดกันในรถ
พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าหิมะกำลังตกลงมาก อร๊ายยยย




ในที่สุดก็มาถึง Sokcho Intercity Bus Terminal ออกมาจากสถานีรถบัสแล้วให้เดินมาทางซ้ายมือ
จะมีป้ายรถเมล์อยู่ค่ะ รอรถสาย 7 หรือ 7-1 เพื่อไปยังซอรัคซาน

นั่งไปนั่งมา อ้าวเฮ้ย เหลืออยู่ในรถกัน 2 คน แล้วคุณป้าก็ทำท่าจะลงจากไป
นี่ไม่รู้คิดอะไรเดินตามคุณป้าลงซะงั้น!! ซึ่งส่วนที่เราลงจะเป็นส่วนที่พักอาศัย
ก็เลยต้องรอรถคันถัดไป เสียเงินเพิ่มไปอี๊กกกกกกก

ในที่สุดก็รถคันถัดไปก็มา และก็มีเราเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียว...
ตอนแรกเราก็ไม่มั่นใจว่าคุณลุงคนขับได้ยินเราหรือเปล่าว่าเราจะไปซอรัคซาน
แต่คุณตอบกลับมาว่า 'เข้าใจแล้ว นี่กำลังพาไป ไม่อยากให้ลงตรงนี้ เดี๋ยวจะแข็งเอานะ'
เราเลยได้ขอบคุณแล้วหัวเราะ แฮะ แฮะ







พอมืดแล้วเราก็ถึงเวลาที่ต้องกลับ เดินออกมารอรถบัสที่หน้าอุทยานเหมือนเดิม
ตอนแรกนี่ก็กลัวนะว่ารถจะหมดยัง ดูเงี๊ยบเงียบ แทบไม่มีคนเลย เพราะส่วนมากไม่มารถส่วนตัวก็ทัวร์
แต่พอเห็นกลุ่มคนเดินมาทางป้ายรถเมล์ 4-5 คนก็เริ่มอุ่นใจขึ้นมาว่ามีเพื่อนแล้ว
กลับมาถึง Sokcho Intercity Bus Terminal จัดการซื้อตั๋วกลับโซล แต่ต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมง

ที่บัสเทอมินอลมีร้านกาแฟอยู่ เราเลยถือโอกาสเข้าไปซื้อกาแฟอุ่นๆ และหลบหนาว




กลับมาถึงโซลแล้วแต่ยังไม่อยากเข้าที่พัก เราเลยตัดสินไปเดินเล่นแถวทงแดมุนค่ะ
ช่วงนี้ที่ DDP (Dongdaemun Design Plaza) มีการประดับด้วยกุหลาบไฟด้วย
นั่งซับเวย์มาลงสถานี Dongdaemun History & Culture Park ออกทางออก 1







ไหนๆก็มาแล้ว ก็ข้ามไปช็อปปิ้งสักหน่อย พร้อมหาอะไรกินเติมเพิ่มสักนิ๊ดดด



ก่อนเข้าที่พักขอแวะมินิมาร์ทก่อน พนักงานก็เฟรนด์ลี่มาก ตอนเราเข้าไปเขากำลังต็อกบกกีอยู่
ก็ชวนนี่กินใหญ่ ตอนแรกก็ปฏิเสธไปแต่เขาก็ขะยั้นขะยอให้กินมาก จนเราต้องกิน
แต่มันเผ็ด เราเลยบอกว่า อร่อยนะคะ แต่เผ็ดสำหรับเรา เขาก็งง เฮ้ย นี่ไม่เผ็ดดดด
ลองๆ ลองกินกับข้าวทอด ลองอีกๆ เราก็เลยต้องกินอีก จนต้องบอกให้เขาคิดเงินนมกับไก่ทอดเถอะค่ะ 555

[Day 4] 28 ธันวา หนีตามผู้ชายไปกุนซาน
จริงๆวันนี้เราแพลนว่าจะไปปูซานแบบไปกลับ ไม่ก็ค้าง 1 คืนแล้วเช้าวันที่ 28 ค่อยกลับมาโซล
แต่พอรู้ว่า B1A4 จะมีงานที่กุนซาน จากปูซานเลยกลายเป็นกุนซานไปซะงั้น
เรามาขึ้นรถบัสที่ Dong Seoul Bus Terminal เหมือนเดิม นั่งกินข้าวรอรถเหมือนเดิม 555



มาถึงกุนซาน จัดการโบกแท็กซี่ไปยังมหาวิทยาลัยกุนซาน สถานที่ที่ผู้ชายจะมาขึ้นแสดง


ก่อนที่ผู้ชายจะเริ่มแสดงก็มีการแสดงจากเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยก่อน


และแล้วก็ถึงคิดของผู้ชายที่เราหนีตามมา !! B1A4 !!



ใน B1A4 เราเมนพี่จินยอง แต่พี่ชินวูมักจะแอทแทคเราเสมอทุกครั้งที่เจอจริงๆ


ก่อนจะกลับเข้าโซล ก็ขอเก็บภาพกุนซานเอาไว้สักหน่อย



อ่ะ ซื้อตั๋วกลับกันนนนนน





กลับมาถึงโซลค่อนข้างดึกเหมือนกัน หลายๆ ร้านเริ่มปิดแล้ว
เลยต้องฝากท้องที่ร้านต็อกบกกีหน้าปากซอยที่พักเหมือนเดิม
แต่คราวนี้คุณป้าบอกว่าต้องซื้อกลับนะ เพราะว่าจะปิดร้านแล้ว


ตรงกันข้ามร้านคุณป้าเป็นร้านกาแฟ ดีงามตรงเปิด 24 ชั่วโมง เราเลยข้ามไปซื้อโกโก้ร้อนสักแก้วให้ร่างกายอุ่น



กลับมาถึงที่พัก จัดการแกะต็อกบกกีและของทอดใส่จาน นั่งกินฟินๆ ไม่ต้องแบ่งใคร อิอิ

เราว่าเราแอบโชคดีที่ห้องในเกสเฮ้าส์ที่เราอยู่มีเราแค่คนเดียว
จริงๆ แล้วมันเป็นห้องใหญ่ ที่มีห้องนั่งเล่นรวม ห้องน้ำรวม 1 ห้อง และห้องนอน 2 ห้อง
แต่ตอนนั้นเราได้ทั้งห้องใหญ่คนเดียว ไม่มีคนเข้าพักด้วย ซึ่งเราชอบมากกกกก
ทั้งห้องใหญ่เป็นของเราคนเดียว อิอิ
[Day 5] 29 ธันวา KBS Gayo Daechukje
ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่พักเราพักที่เกสเฮ้าส์แถวฮงแด แต่ไม่มีโอกาสได้เดินฮงแดเลย
วันนี้ฤกษ์งามยามดีเลยมาเดินเล่น เดินช็อปที่ฮงแดสักหน่อย
เดินออกมาจากที่พักก็เจอหิมะกองอยู่บนพื้น เนื่องจากเมื่อคืนหิมะตก





เดินไปเรื่อยพอเที่ยงก็ต้องกิน เลยแวะกินข้าวที่ร้านนี้ อาหารอร่อย เด็กเสิร์ฟงานดี
แต่บอกพิกัดไม่ได้ เพราะเดินมั่วซั่วจนมาเจอ แฮะๆ


อิ่มแล้วก็เดินช็อปต่อ เดินมาเจอร้านนี้ สาวๆต่อแถวซื้อกันเยอะมาก ไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร ให้รูปเป็นคำตอบเนาะ ฮี่ๆ

ที่ฮงแดเราเจอคนเกาหลีเข้ามาทักด้วย ตอนแรกก็นึกว่ามาทักเพราะเห็นเรามาคนเดียว
แต่คุยไปคุยมาเราว่ามันไม่ใช่อ่ะ พวกเค้าชวนเราไปโรงเรียนสอนวัฒนธรรมของพวกเค้า
แต่ในใจเรามันร้องว่า ไม่นะ มันไม่น่าจะใช่แค่ไปเรียนรู้วัฒนธรรม ใส่ชุดฮันบกล่ะ
เลยตัดสินใจพยายามตัดบทแล้วเลี่ยงๆ ออกมา

ตอนที่ไปมีช็อปของ Kakao Talk มาเปิดด้วย คนเยอะมากกก ถึงมากที่สุดอ่ะ เยอะจนเรายอมแพ้
คู่รักเยอะมาก ผู้ชายก็ถือของตามผู้หญิง สายเปย์สุดอะไรสุด นี่ไม่ได้อิจฉานะ แค่ตาร้อนผ่าวๆ




เอาล่ะ ช็อปของเต็มมือ เอาของไปเก็บก่อนแล้วไป KBS กัน นั่งซับเวย์มาลงสถานี National Assembly ทางออก 4
แล้วเดินตรงมาพอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้าย จะเห็นตึกของ KBS อยู่
ถามว่าเราได้บัตร KBS มั้ย ตอบเลยว่า ฮึ! ไม่ได้ค๊าาาา!!!
เราเลยต้องอยู่ข้างนอก ร้องเพลง 'แค่กระจกใสบางๆ ที่กั้นตรงกลางเท่านั้นนน' แทน


งานนี้คนที่เราตั้งใจมาหาคือโบกอมมี่ค่ะ ตอนแรกถอดใจแล้วว่ามาช้าคงไม่ได้เจอเพราะไปรอผิดที่
เพื่อนคนจีนที่ยืนรอด้วยกัน (มารู้จักกันที่หน้างาน KBS นี่แหละค่ะ) ก็ตัดสินใจล่าถอยไปแล้ว
แต่พอมีเสียงคนร้องว่า 'ปาร์คโบกอมๆๆๆๆๆ' เรานี่หันขวับ ชะงักเท้าที่กำลังเดินออกมาเลย
และพอเราหันกลับดูก็เห็นโบกอมจริงๆ ด้วย!!


ได้เห็นแค่นี้ติ่งก็มีความสุขแล้วจริงๆนะ ไม่ได้บัตรเข้างานก็ไม่เป็นไร
จริงๆมีลุงขายบัตรผีมาเสนอราคาจะขายให้ แต่เรารับไม่ได้จริงๆ แพงมากกกกกกกก (ไม่มีเงินอ่ะ)
เลยบอกปัดไปว่าไม่เอา พอดีตรงนั้นมีอีกคนยืนอยู่ก็มาถามเราว่า ลุงจะขายให้เท่าไหร่
พอบอกไปเท่านั้นแหละ นางก็บอกแพงมากให้ตายเหอะ นี่บัตรได้มาฟรีนะ บลาๆๆ
คุยไปคุยมาได้ความว่านางเป็นคนมาเลเซีย มากับน้องสาว แต่น้องสาวกลับไปโรงแรมก่อนแล้ว
ก็เลยนั่งซับเวย์กลับมาด้วยกันเพราะไปทางเดียวกัน เม้าท์มอยจนนางเกือบลงผิดสถานี 555
ด้วยความที่อากาศลดต่ำถึง -8 และกระเพาะที่ส่งเสียงเราเลยต้องหาของกินและร้านอุ่นๆนั่ง
ก็กลับมาหาร้านอาหารที่ฮง-ินนั่นแหละค่ะ เป็นร้านราเม็งและข้าวหน้าต่างๆ
เราสั่งเซ็ตข้าวหน้าหมูกิมจิกับราเม็งมา ร้านที่เรามานี้จะให้กดสั่งอาหารที่เครื่องสั่งอาหารอัตโนมัตินะคะ



เสร็จแล้วก็ออกมาเดินย่อยต่อ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นการเดินย่อยหรือหาของกินเติมลงไปกันแน่





ระหว่างทางเจอร้านปาโป่งเหมือนบ้านเราด้วย แต่เราไม่ได้เล่น เพราะมือแข็งมาก

เรากำลังบ่นกับตัวเองอยู่เลยว่าตั้งแต่มาถึงเกาหลียังไม่ได้กินสตรอว์เบอร์รี่เลยแล้วก็มาเจอร้านสตรอว์เบอรี่พอดี
หลังจากซื่อสตรอว์เบอร์รี่ที่อยากกินแล้วก็แวะร้านกาแฟหน้าปากซอยเกสเฮ้าส์ซื้อโกโก้มิ้นท์มาด้วย


[Day 6] 30 ธันวา Chill out ไปเรื่อย ขอจิบกาแฟ แอ๊วบาริสต้า
วันนี้เราไม่มีโปรแกรมไปติ่งที่ไหนแต่อย่างไร เราเลยไปเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นที่ฮานึลปาร์ค
โดยนั่งซับเวย์มาลงที่สถานี World Cup Stadium ทางออกที่ 1 เดินตัดผ่านลานจอดรถมาจนเจอบันไดวนสูงๆขึ้นฮานึลปาร์ค



เห็นบันไดวนสูงๆข้างหน้ามั้ยคะ นั่นแหละค่ะ ทางขึ้นฮานึลปาร์ค
แต่คนอย่างเราที่ขี้เกียจเดินมากจึงใช้วิธีซื้อตั๋วนั่งรถขึ้นไปแทนค่ะ 555


และแล้วก็มาถึงฮานึลปาร์ค!! ที่นี่เป็นอีกสวนสาธารณะยอดนิยมในการถ่ายละครและ MV เลยค่ะ




บนนี้สามารถมองลงไปเห็นตัวเมืองข้างล่างด้วย

แลนมาร์คที่จุดของฮานึลปาร์คก็คือรังนกขนาดใหญ่ที่สามารถเดินขึ้นไปชมฮานึลปาร์คจากมุมสูงได้







ตอนกลับเราก็นั่งรถกลับมาเหมือนเดิมเพราะซื้อตั๋วไปกลับ
คุณลุงที่ขับรถพอเห็นเราเดินมาก็รีบพูดภาษาไทยว่า 'สวัสดีครับ'
เรางี้โอ้โหเลย รู้ด้วยว่าเราเป็นคนไทย คุณลุงถามว่า มาจากเมืองไทยใช่มั้ย
แล้วตบท้ายว่า 'I Like Thailand ผมรักคุณ' พร้อมทำท่ามินิฮาร์ท คุณลุงน่าร๊ากกกกก
ออกจากฮานึลปาร์คเรานั่งซับเวย์ต่อมาจนถึงสถานี Cheongpyeong เพื่อไป The Garden of Morning Calm
จริงๆแล้วสามารถรอรถบัสได้แต่ต้องรอนานมากกว่าจะมา รถบัสจะมีทุกชั่วโมง เราเรียกแท็กซี่ไปเลย สะดวกดี
The Garden of Morning Calm เป็นสวนพฤกษาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์
ในช่วงฤดูหนาวจะมีการจัดประดับไฟในตอนกลางคืน โดยการประดับไฟนี้จะมีช่วงธันวา - มีนาเท่านั้น

ได้ตั๋วมาแล้วก็เข้าไปข้างใน ที่นี่อยู่บนภูเขาดังนั้นยิ่งเพิ่มดีกรีความหนาวเข้าไปอีก
คนเยอะมากกก ก ไก่ล้านตัว แต่ประดับไฟได้สวยมาก เหมือนอยู่ท่ามกลางดวงดาว








ตอนมามาแท็กซี่ พอจะกลับดูท่าแล้วแท็กซี่หายากมากยกเว้นรอแท็กซี่ที่มาส่งคน
รถบัสก็ต้องรออีก 40 นาที ว่าจะไปหาอะไรร้อนๆ กินสักหน่อย ก็พอดีมีแท็กซี่มาพอดี
แต่อย่างที่บอกค่ะ แท็กซี่หายากเราเลยป๊ะกับสาวเกาหลีและสาวออสซี่
คุยกันไปคุยมากัน 2 สาวจะไปสถานีรถบัส ส่วนเราจะไปสถานีรถไฟฟ้าซึ่งมันอยู่ใกล้กัน
เลยตกลงกันว่าทางเดียวกันงั้นก็ไปด้วยกันนี่แหละ! เราก็โอเคมาก เพราะมันมืดแล้วและลงจากภูเขาอีก
มีเพื่อนนั่งร่วมทางไปด้วยอุ่นใจแถมมีคนหารค่าแท็กซี่อีก ตกลงได้ตามนั้นก็เม้าท์มอยกันไปจนถึงจุดหมายปลายทาง

ตอนมาเราขึ้นซับเวย์แต่ขากลับเราตัดสินใจใช้รถไฟความเร็วสูงแทน แพงกว่าแต่ถึงเร็วกว่าเพราะเรามีที่ที่อยากไปต่อ


ที่ที่เราอยากมาต่อคือร้านกาแฟ C.THROUGH ของพี่คังบินค่ะ พี่คังบินถือว่าเป็น 1 ในบาริสต้าแซ่บของเกาหลีเลยก็ว่าได้
เราติดตามผลงานของพี่เค้ามาระยะหนึ่งแล้ว พี่ท่านเล่นอัปเฟซเรื่อยๆ อย่างกับเชิญชวน
ดังนั้นเรามาถึงเกาหลีแล้วก็ต้องไม่พลาดโอกาสมาร้านของพี่เค้าแน่นอน ร้านนี้อยู่ย่านอิแทวอน



เราเข้ามาในร้านหาโต๊ะนั่งแอบมุมหน่อย เพราะอยากอยู่แบบสงบๆ เหล่มองแบบสบายๆ
เห็นพี่เค้าเดินไปหลังร้านแล้วกลับออกมาพร้อมฮอตแพคลายหมีน่ารัก เอามาให้เรา น่ารัก เทคแคร์ลูกค้าสุดๆ

เราสั่ง Top Coffee ไปค่ะ อร่อยมากกก เหมือนกินขนมเลย
ตอนเอามาเสิร์ฟพี่เค้าก็มาอธิบายด้วยว่าวิธีดื่มเป็นยังไงบ้าง โอ้ยยย แพ้ทางงง

ก่อนกลับขอไปแอ๊วนิดนึง ก็บอกไปว่าติดตามผลงานอยู่นะคะ พี่เค้าก็ขอบคุณพร้อมอวยพรให้เที่ยวให้สนุกนะ
กาแฟว่าอร่อยแล้ว แต่แซ่บกว่ากาแฟ ก็บาริสต้านี่แหละค๊าาาาาา

ระหว่างทางกลับก็ถ่ายรูปไปเรื่อยอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าดีดกาแฟหรือเพราะบาริสต้า 5555


ด้วยความแอ๊วเอินเกินไปหน่อย ซับเวย์ถึงเวลาปิดบริการค่าาาาาาา เอาล่ะสิ งานนี้มาถึงแค่กงด๊อก
ระหว่างจะเดินไปเปลี่ยนขบวนพนักงานก็บอกว่าซับเวย์ปิดให้บริการแล้ว ต้องแท็กซี่แล้วค่ะผู้โดยสาร
เราเลยต้องติ๊ดบัตรออกมา แต่ช้าก่อน หิวอีกแล้วอ่ะ เลยต้องแวะซื้อไก่ทอดติดมือมาด้วย


ซื้อมากินไม่หมดก็เก็บไว้กินต่อมื้อต่อไป มีสตรอว์เบอร์รี่ล้างปากตบท้าย


[Day 7] 31 ธันวา #WelcomeBackJaejoong
หนึ่งในสาเหตุที่เราตัดสินมาเกาหลีในช่วงนี้ก็คือคนนี้เลยค่ะ 'คิมแจจุง'
เราขอเรียกว่ามี๊แจตามคำพูดติดปากขอเรานะคะ 55555
อย่างที่รู้กันค่ะ มี๊แจปลดประจำการ 30 ธันวาและจะมีงานแฟนมีต 31 ธันวา แถมเป็นงานเปิด งานนี้เราเลยไม่พลาด
แต่ก่อนจะไปงานเราขอแวะซื้อของที่นัมแดมุน ตลาดเก่าแก่ของกรุงโซลสักหน่อย
มาได้โดยนั่งซับเวย์มาลงสถานี Hoehyeon ออกทางออกที่ 5 ตลาดเปิดตั้งแต่เช้าเลยค่ะ



มองดูนาฬิกา ยังพอมีเวลาอยู่ เราเลยไปร้านกาแฟร้านใหม่ของมี๊แจ
J Holic ได้ทำการย้ายจากเมียงดงมาอยู่ย่านซัมซองเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 23 ธันวา
วิธีมาก็นั่งซับเวย์มาลงที่สถานี Bongeun-sa ออกทางออกที่ 4 แล้วเดินตรงมาโล้ด!







บัตรสะสมแต้มเวลาซื้อเครื่องดื่มแบบใหม่ แต่ว่าไม่มีซองใสที่ปั๊มลายเซ็นมี๊แจแจกแล้วเหมือนร้านเดิม

อาหารเช้ามื้อนี้ได้แก่ ลาเต้ร้อน และ ชีสเค้ก


และจากการคาดคะเนของเรา ถ้าเราไปรอมี๊แจที่ co-ex mall เราคงไม่สามารถออกมาหาอะไรกินได้แน่เพราะเรามาคนเดียว
เราเลยซื้อชานมไข่มุกมาเป็นเสบียงด้วย เราเลือกรสสตรอว์เบอร์รี่ฝาชมพูมา ตัวนมไม่หวานเลี่ยน หอมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ดีค่ะ


แล้วก็ได้ฤกษ์มา co-ex mall เมื่อมารอมี๊แจที่จะมาแจกลายเซ็นในตอน 1 ทุ่ม
ซึ่งเราโชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอพี่คนไทยกับกลุ่มแม่ๆจากไต้หวัน งานนี้รอดมาได้จากการดูแลของพวกพี่ๆเค้าโดยแท้ค่ะ
คือระหว่างที่รอพอเข้าช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ แล้วก็เริ่มหิว พี่คนไทยออกไปหาอะไรกินพร้อมกับซื้อแม็คมาเลี้ยงเราด้วย
และระหว่างที่พี่เค้าออกไปซื้อของ ตอนนั้นเริ่มมีการแจกของจากบ้านๆต่างๆ แม่ไต้หวันก็บอกเราว่า ไปเอาสิ เดี๋ยวดูที่ให้
ตอนแรกเราก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปเอา 1.กลัวที่หาย เพราะเราดูที่ของพี่คนไทยด้วย 2.กลัวเค้าไม่ให้
เพราะก่อนหน้านี้มีบ้านหลังหนึ่งแจกป้ายเชียร์ พอเค้าเช็คทวิตเตอร์แล้วเห็นเราเป็น Keep 5 เลยปฎิเสธไม่ให้เรา เราก็กลัวเป็นแบบเดิม
แต่แม่ๆก็พยายามให้ไปเอา เราก็เลย เอ้า ไปก็ไป ก็ไปรับป้ายมา เค้าไม่เช็คอะไรเลย ให้มาเลย ทำให้เรารู้สึกดีมาก
กลับมาก็เห็นว่าแม่ๆไต้หวันจองที่ที่เรานั่งไว้ให้จริงๆ ไม่มีการแอบขยับมานั่งทับเลย คือดีย์


พอพี่คนไทยกลับมา เราก็ขอออกไปเข้าห้องน้ำ เดินยืดเส้นยืดสายบ้าง
และข้างนอกก็เป็นเวลาที่หนุ่มๆ วง VIXX ขึ้นซ้อมพอดีสำหรับงาน countdown คืนนี้
ซึ่งเป็น Special Stage ของ MBC Gayo Song Festival ที่มาจัดหน้าห้าง co-ex mall พอดี



กลับเข้ามารอมี๊แจต่อภายในห้าง ตอนนี้การ์ดเริ่มจัดระเบียบแล้ว ใครมาทีหลังหวังแทรกไม่ได้นะจ๊ะ การ์ดนางจำหน้าได้
พวกเรานั่งรอนานมีแอบเมื่อย เลยแอบยืดขาออกบ้าง เอาหัวมุดออกนอกรั้วไปหาอากาศบ้าง นางไม่ว่า
แต่ถ้าจะมีคนมาเนียนแทรกยืนข้างๆ เรา นางไล่ให้ออกไปนะจ๊ะ อิอิ
มีเรื่องน่ารักๆ อีกเรื่องคือการ์ดนางทำตุ๊กตาของแฟนคลับล้มจ๊ะ เลยต้องเก็บไปวางที่เดิม เรียกอมยิ้มได้ไม่น้อย

ระหว่างที่รอก็จะมีหนุ่มๆ มาเล่นดนตรีให้ฟังด้วย แอบหล่อด้วยแหละ


อีกหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮา ก็แฟนคลับที่ลงทุนสวมชุดริลัคคุมะมานี่แหละค่ะ เอ็นดูว์

ใจติ่งเริ่มมาเมื่อมีการจัดแบ็คดรอปและโต๊ะแล้ว

และในที่สุดคนที่เรารอคอยก็มาถึง คิมแจจุง!!


อารมณ์ในตอนนั้นคือทั้งอยากร้องไห้ ทั้งอยากยิ้ม อยากหัวเราะ ผสมปนเปไปหมด
ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 2 ปี กลับมาคราวนี้มี๊แจดูบึ๊กขึ้นอย่างเห็นได้ชัด





ความคิมแจจุงมันทำให้เราหลงได้เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่า จบเถอะค่ะมี๊ 555
นี่มัน 5 ทุ่มแล้ว เกือบ 4 ชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันมา คือมองหน้าอิ่มมาก และปวดเมื่อยขั้นสุด
งานฟรีก็บ่นเมื่อย งานเสียเงินก็บ่นแพง นี่แหละวิถีติ่ง 555 แต่ถึงยังไงก็โอปป้าซารังแฮโยนะคะ
แต่เอาจริงๆ พองานจบ มี๊แจออกไปก็แอบอยากให้อยู่ต่อจน countdown ไปด้วยกันเลย ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว

พอเสร็จสิ้นจากงานมี๊แจ นั่งพักสักครู่ ดื่มน้ำสักหน่อย เราก็เดินออกมาตรงเวที countdown หน้าห้าง
ตอนนั้นคนเยอะแล้ว และศิลปินก็กำลังทำการแสดงอยู่ ดูเวลาก็เกือบ 5 ทุ่มครึ่ง อีกไม่นานก็เข้าวันใหม่



พอใกล้ได้เวลา ศิลปินทุกคนก็ขึ้นเวทีมาพร้อมหน้าเพื่อรอ countdown สู่วันใหม่ ปีใหม่ ไปพร้อมๆ กัน




10... 9... 8... 7... 6... 5... 4... 3... 2... 1... H A P P Y N E W Y E A R ! ! !




ส่งท้ายด้วยการแสดงจากหนุ่มๆ วง BTS


ในวันปีใหม่หลังจาก countdown ซับเวย์ยังเปิดให้บริการนะคะ เป็นเวลาปิดพิเศษ
เรากลับตี 1 กว่าๆ รถไฟฟ้ายังไม่ให้บริการ แต่ปริมาณผู้โดยสารก็มหาศาลตามกันค่ะ
[Day 8] 1 มกรา Hello, 2017
เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นเครื่อง ซึ่งถ้าใครกลับไฟท์ของวันนี้ต้องเผื่อเวลาหน่อยนะคะ
ขาเข้าสนามบินรถติดมาก และเค้าเตอร์เช็คอินก็แถวยาวมากเช่นกัน เรานี่ระทึกเลย
ระหว่างทางไปสนามบินเราจะเห็นชาวเกาหลีจอดรถดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นทางยาวเลยทีเดียว

เช็คอิน คืน pocket wifi เรียบร้อย ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะเลยเดินเก็บภาพในสนามบินฆ่าเวลา


แวะ Duty Free ละลายเงินวอนที่เหลือ เสร็จแล้วก็ไปรอขึ้นเครื่องกัน คราวนี้เราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮานอย

ก่อนจะเสิร์ฟอาหาร ลูกเรือก็นำอัลมอนด์มาให้กินเล่น พร้อมกับเมนูอาหาร



กระเป๋าเราไปรับปลายทางเหมือนเดิม เมื่อมาถึงฮานอยก็เดินไปรอที่เกทได้เลย
คราวนี้ระหว่างที่รอไม่ไปหาที่นอนรอแล้ว แต่หาร้านกาแฟนั่งรอแทน






รอไม่นานก็มีประกาศเรียกขึ้นเครื่อง ร้านกาแฟที่เรานั่งมันอยู่แถวเกทพอดี
ขึ้นเครื่องไปก็กินอีกแล้วครับท่าน

เวลาขึ้นเครื่องบินเราชอบนั่งติดหน้าต่าง เพราะเราชอบมองท้องฟ้า
แต่ละครั้งที่บินผ่าน ท้องฟ้าไม่เคยเหมือนเดิมเลยสักครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เราชอบมอง


ไม่นานก็เข้าสู่ประเทศไทย กลับมาแล้วจ้าาาาาาา


ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เราลุยเกาหลีคนเดียว แต่เป็นครั้งแรกที่เราต้องนอนคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียวหมด
(ครั้งที่แล้วยังมีคนแชร์ห้อง มีไปบางสถานที่ด้วยกันบ้าง แต่หลักๆเราไปคนเดียว แยกเที่ยว)
เหงามั้ย ก็แอบมีเหงา แต่ไม่มาก ในแต่ละวันก็ได้พูดคุยกับผู้คน รู้จักคนใหม่ๆ ตลอดมันก็สนุกดี
แพลนเที่ยวไม่มี มีแค่ใจอยากไป เราก็ไปแล้ว เพราะถ้าเราเอาแต่รอคนไปด้วยก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไป
ทริปนี้เราฟินมาก มีความสุขมาก ไม่มีอารมณ์เสียจริงๆ จังๆเลยสักวัน
แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ที่มา : Pantip
ขอบคุณข้อมูลจาก :Shining MAYLODY