![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrw1hUTvIjjtGdv2PVMdo8LghEIKT0uIo9sYc85vlPBxCqEc513yhTa5yrDxFm66WGNhRuPtAwL2uuhJmREIIKtpbj9w8GkWkV07CY8ZK6WLJmgQ8eXSyHDLoSUErvLsKOKcyUi2BlQUKN/s1600/001.png)
1. ย่อยอาหารของคุณอย่างถูกต้อง
นี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะอาหารที่ถูกย่อยอย่างไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดการก่อตัวของก๊าซในลำไส้ของคุณ
ตัวอย่างเช่น หากคุณแพ้แลคโตสหรือกลูเตน เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมและอาหารที่มีกลูเตน เพราะร่างกายของคุณไม่สามารถย่อยอาหารเหล่านี้ได้จะส่งผลให้เกิดอาการอึดอัดแน่นท้อง นอกจากนี้หากท้องของคุณจะขาดแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ การย่อยอาหารก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และจำไว้ว่าการรับประทานอาหารที่ขาดคุณภาพ การใช้ยาปฏิชีวนะและการดูดซึมที่ไม่ดีของคาร์โบไฮเดรตจะทำลายแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ให้หมดลง
2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร
คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร อาหารประเภทนี้ยังสามารถก่อให้เกิดกรดไหลย้อนได้อีกเช่นกัน เมื่อกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นจะเกิดอาการจุกเสียดแน่นท้องตามมา
รวมถึงอาหารทอดที่จะไปสร้างก๊าซในลำไส้ คุณควรหันมารับประทานอาหารที่มีปริมาณเส้นใยสูงเพราะมันจะเข้าไปช่วยให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ต้นเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับอาการท้องอืดและกรดไหลย้อน:
-ซีเรียล
-หัวหอม
-มะเขือเทศ
-พาสต้า
-ผลิตภัณฑ์นม
-ธัญพืชเต็มเมล็ด
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน
แม้อาหารที่เรากล่าวถึงข้างต้นจะทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหารแล้ว แต่ยังมีอาหารประเภทหมากฝรั่ง ลูกอม ที่สามารถทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหารได้อีกเช่นกัน รวมถึงเครื่องดื่มอัดลมและการสูบบุหรี่ก็สามารถเพิ่มปริมาณอากาศเข้าไปในลำไส้ได้อีกด้วย เพราะการนำเอาอากาศส่วนเกินเข้าสู่ระบบย่อยอาหารมากเกินไปจะนำมาซึ่งการอัดอึดแน่นท้อง
เพื่อให้อยู่ห่างจากอาการท้องอืดเราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดและพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพและหันมาเลือกใช้วิธีธรรมชาติสำหรับช่วยรักษาอาการท้องอืดแทนการใช้ยา และหากคุณจำเป็นต้องใช้ยาอย่าลืมที่จะขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง